เมื่อหมาผ่านการผ่าตัดหรือมีบาดแผลตามตัว เจ้าของหลายคนมักเจอปัญหา หมาเลียแผลผ่าตัดตลอดเวลา จากสัญชาตญาณธรรมชาติที่ต้องการทำความสะอาดหรือบรรเทาอาการคัน แต่พฤติกรรมนี้กลับเสี่ยงทำให้แผลติดเชื้อ หายช้า หรือแผลปริได้ง่าย การเลือกวิธีป้องกันที่เหมาะสมจึงสำคัญมาก ปัจจุบันมีตัวช่วยหลากหลาย เช่น ปลอกคอกันเลีย, ชุดกันเลีย, และ สเปรย์กันเลีย ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าตัวเลือกไหนเหมาะที่สุดสำหรับน้องหมาของคุณ
หมาสัมผัสแผลผ่าตัดต้องทำอย่างไร
หลังผ่าตัดหรือมีแผลที่ผิวหนัง เจ้าของต้องระวังไม่ให้ หมาเลียแผลผ่าตัด เพราะแม้หมาจะเลียเพื่อ “ทำความสะอาด” หรือบรรเทาเจ็บปวดตามสัญชาตญาณ สารคัดหลั่งในน้ำลายกลับเต็มไปด้วยแบคทีเรียที่อาจทำให้แผลติดเชื้อหรือหายช้าได้ งานวิจัยด้านสัตวแพทย์ชี้ว่า “เพื่อให้แผลหมาหายเร็วและสมบูรณ์ ต้องรักษาให้แผลสะอาด แห้ง และปลอดจากน้ำลาย” หากปล่อยให้เลียแผล โดยเฉพาะหลังผ่าตัด ที่เนื้อเยื่อยังยึดติดกันไม่สมบูรณ์ การเลียจะทำให้เชื้อโรค สิ่งสกปรกจากน้ำลายลงลึกไปในชั้นแผลได้ ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้เลียแผล หลังจากทำความสะอาดและทายาฆ่าเชื้อแล้ว การป้องกันพฤติกรรมเลียแผลคือขั้นตอนสำคัญสุดท้ายที่ควรใส่ใจ
- ตรวจดูแผลเสมอว่าสะอาด ไม่มีอาการอักเสบ (บวม แดง มีหนอง) และเปลี่ยนผ้าพันแผลตามคำแนะนำสัตวแพทย์
- ทำความสะอาด แผลก่อนพัน หรือใช้สเปรย์/เจลฟื้นฟูผิวหนังที่สัตวแพทย์แนะนำ (เช่น Microcyn AH ของ VetSynova)
- ห้ามใช้สเปรย์หรือครีมป้องกันเลียบนแผลสด เพราะอาจระคายเคืองได้
- ป้องกันไม่ให้หมาเลียแผลผ่าตัด ด้วยอุปกรณ์หรือวิธีต่าง ๆ
ปลอกคอกันเลีย (E-collar/Elizabethan Collar)
ปลอกคอแบบกรวย (Elizabethan Collar หรือ ปลอกคอกันเลีย) เป็นวิธีดั้งเดิมที่สัตวแพทย์นิยมแนะนำ เพราะ ปลอกคอแบบพลาสติกกรวย ช่วยขัดขวางหมาไม่ให้เอาปากไปถึงแผลได้ 100% วิธีกันหมาเลียแผลผ่าตัดนี้มีข้อดีตรงที่ติดตั้งง่าย ใส่ปิดได้ตลอดเวลา ลดโอกาสเลียและกัดแผลได้สูง ตัวปลอกคออาจทำให้หมาเดินชนสิ่งของได้หรือเครียดบ้าง แต่เมื่ออยู่ในบ้านจะควบคุมได้ง่าย และช่วยให้แผลปลอดภัยจากการถูกเลียมากขึ้น
- ข้อดี: ป้องกันไม่ให้หมาเลียแผลผ้าตัดได้ หมาหลายตัวเลียไม่ถึงบริเวณหลัง หัว หรือข้างลำตัวที่ผ่าตัด ช่วยลดโอกาสแผลปริ และตกเป็นสะเก็ดได้เร็วขึ้น
- ข้อเสีย: อาจทำให้เคลื่อนไหวลำบาก เดินชน หรือเครียดได้ โดยเฉพาะหมาที่กังวลง่าย ต้องใส่อย่างระมัดระวัง ถ้าออกนอกบ้านต้องมีคนช่วยกันดู เพราะปลอกอาจไปเกี่ยวกับกิ่งไม้ หรือของใช้ตามทาง
โดยทั่วไป ปลอกคอกันเลีย มีหลายวัสดุและแบบ เช่น พลาสติกแข็งแบบดั้งเดิม ปลอกคอผ้าแบบนิ่ม หรือแบบเป่าลมรอบคอ (Inflatable collar) ที่ใส่สบายกว่าเล็กน้อย สัตวแพทย์มักสั่งให้ใส่ปลอกคอตลอดเวลาจนกว่าแผลจะแห้งสนิท เช่น กรณีผ่าตัดทำหมันจะสวมไว้ 7–10 วัน ไม่ให้เลียแผลได้
ชุดกันเลีย (Surgical Suit/Recovery Suit)
อีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นคือ ชุดกันเลีย หรือชุดคลุมปิดตัว-ขาแบบสวมใส่ทั้งตัว (Recovery Suit) ปกติจะทำจากผ้าฝ้ายและโพลีเอสเตอร์หรือใยทองแดง เช่น ชุดทองแดง CopperBody Classic จาก VetSynova ที่ออกแบบมาให้คลุมตัวและปิดพื้นที่แผลโดยเฉพาะ จุดเด่นคือช่วย ทดแทนการใส่ปลอกคอ ได้ในหลายเคส เพราะสัตว์สวมใส่คล่องตัวกว่า และยังช่วยป้องกันการเลียหรือดูดซับเลือดได้ดีอีกด้วย
ชุดกันเลีย CopperBody ออกแบบมาสำหรับทดแทนการใช้ปลอกคอ ป้องกันการเลียแผลได้ สัตว์เลี้ยงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ โดยชุดมีหลายไซส์ หลายรูปแบบให้ได้เลือกใช้ เช่น CopperBody Classic ปกคลุมลำตัว อก ท้อง ของสัตว์เลี้ยง เหมาะกับสัตว์ที่ผ่าตัดช่องท้อง, ทำหมันเพศเมียหรือเป็นแผล-โรคผิวหนังตามลำตัว , CopperBody Male Dog Castration ออกแบบเฉพาะสำหรับหมาเพศผู้ที่ทำหมัน โดยเน้นปิดบริเวณแผลผ่าตัดตัวผู้ หรือ CopperBody 4 Legs แบบเต็มตัวคลุม 4 ขา เหมาะสำหรับสัตว์ที่ต้องการปิดแผลตามขาหรือรักษาโรคผิวหนังทั้งตัว
- ข้อดี: สวมใส่สบายกว่า เดินเคลื่อนไหวได้ตามปกติ เครียดน้อยกว่าปลอกคอ ดูแลแผลใต้ชุดได้ตลอดวัน ช่วยซับเลือดหรือน้ำลาย ป้องกันฝุ่นเล็กน้อย และซักกลับมาใช้ใหม่ได้
- ข้อเสีย: ต้องคอยปรับหรือเปลี่ยนชุดตามขนาดตัว หากชุดรัดไม่พอดีในบางจุด นอกจากนี้ ชุดกันเลียจะปกคลุมเฉพาะบริเวณที่ชุดคลุมถึงเท่านั้น ไม่ปิดปากหรือจมูก ดังนั้นหมาอาจยังพยายามเลียบางส่วนได้ (เช่น กรณีแผลอยู่ใกล้ปากหรือเท้าที่ชุดคลุมไม่ถึง)
สเปรย์กันเลีย (Bitter Spray)
นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธี คือการใช้สเปรย์กันเลีย (Anti-Lick Spray) ที่มีส่วนผสมของสารที่มีรสขม เมื่อหมาไปเลียบริเวณที่พ่น จะได้รับสารที่มีรสขมเข้าไป ซึ่งหมาไม่ชอบ ทำให้สามารถช่วยลดพฤติกรรมการเลียลงได้ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์คือ BiteGuard จาก VetSynova ซึ่งเป็น “สเปรย์ป้องกันการกัดและเลีย” โดย BiteGuard สารออกฤทธิ์คือ Denatonium benzoate ซึ่งเป็นสารที่มีรสขมกว่าบอระเพ็ดถึง 2,000 เท่า และสารนี้มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นสารชนิดเดียวกับที่อยู่ในของเล่นเด็ก นอกจากนี้ BiteGuard ยังไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น จึงปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงและไม่ทำลายพื้นผิวอีกด้วย
วิธีการใช้งาน คือฉีดพ่นบริเวณที่ต้องการป้องกันการกัดแทะ-เลีย เช่น ผ้าปิดแผล หรือชุดผ่าตัด โดยส่วนใหญ่จะแนะนำ “พ่นวันละ 2-3 ครั้ง หรือตามต้องการ” ข้อควรระวังคือห้ามพ่นลงบน แผลสดหรือเยื่อเมือกโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงอาการระคายเคือง ด้วยเหตุนี้ สเปรย์มักใช้ควบคู่กับการปิดแผลด้วยผ้า/ชุดกันเลียแล้วพ่นทับให้สัตว์ไม่สนใจที่จะเลียต่อ
- ข้อดี: ใช้ได้ง่าย พกพาสะดวก ฉีดพ่นรอบ ๆ แผลหรือบนชุดกันเลีย ก็จะสามารถหยุดพฤติกรรมการเลียได้
- ข้อเสีย: ไม่สามารถป้องกันได้ 100% เพราะหากหมาต้องการจะเลีย แค่รสขมอาจไม่หยุดพฤติกรรมทั้งหมด (ต้องพึ่งวิธีอื่นร่วมด้วย) นอกจากนี้ ไม่ควรพ่นลงแผลเปิด จึงใช้กับชุดหรือผ้าพันเท่านั้น และบางตัวถ้าอดทนต่อรสขมได้ อาจยังเลียเหมือนเดิม
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย
โดยสรุป วิธีป้องกันการเลียแผลแต่ละแบบมีจุดเด่นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดแผลและพฤติกรรมหมา โดยรายละเอียดนั้นมีดังนี้
- ปลอกคอกันเลีย: ป้องกันได้แน่นอน แต่หมาอาจรำคาญและต้องระวังไม่ให้เดินชนสิ่งของ เหมาะกับสัตว์หลังผ่าตัด หรือเป็นแผลลึกที่ต้องห้ามเลียเด็ดขาด
- ชุดกันเลีย: ใส่สบายกว่า ทำให้เคลื่อนไหวได้ปกติ แต่ถ้าชุดไม่ปกปิดแผลหรือหมาดึงชุด ก็อาจยังเลียโดนแผลได้บ้าง เหมาะกับแผลที่อยู่บนตัวกลาง ๆ เช่น ท้อง ลำตัว
- สเปรย์กันเลีย: ใช้เสริมกับตัวป้องกันอื่น ๆ ได้ เช่น ฉีดพ่นบนชุดหรือผ้าพันแผล ช่วยลดแรงจูงใจในการเลีย
ตัวอย่างการใช้งานเชิงปฏิบัติคือ ใส่ ชุดทองแดง CopperBody Classic แทนปลอกคอในกรณีแผลหลังผ่าตัดทั่วไป เพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก พร้อมกับฉีด สเปรย์ BiteGuard บริเวณชุดหรือผ้าพันแผลถ้าหมาเลียแผลผ่าตัดบ่อย แต่หากแผลอยู่บริเวณโคนหางที่ชุดปกปิดไม่ถึง และเลียบ่อย อาจต้องกลับมาใช้ปลอกคอพลาสติกแทน
ถ้าสงสัยว่า ปลอกคอกันเลีย vs ชุดกันเลีย vs สเปรย์กันเลีย อันไหนดีกว่า ต้องดูข้อดีข้อเสียตามสถานการณ์ การใช้ ปลอกคอกันเลีย เป็นวิธีพื้นฐานที่สัตวแพทย์แนะนำเพื่อให้แน่ใจว่าหมาจะไม่เลียแผลเลย หากต้องการทางเลือกที่สบายขึ้น ชุดกันเลีย (เช่น CopperBody Classic จาก VetSynova) ก็ช่วยปกปิดแผลได้และทำให้สัตว์เคลื่อนไหวได้ง่ายกว่าการใส่ปลอกคอกันเลียด้วย ส่วนสเปรย์กันเลีย อย่าง BiteGuard ก็สามารถใช้เป็นตัวช่วยเสริม เช่น พ่นคู่กับชุดหรือผ้าพันแผล เพื่อลดพฤติกรรมการเลียจากรสขมของสเปรย์ได้อีกด้วยสุดท้ายนี้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อวางแผนการดูแลแผล และเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมร่วมกับการใช้ยาที่ถูกต้อง การป้องกันไม่ให้หมาเลียแผลผ่าตัดอย่างเหมาะสม จะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดโอกาสการติดเชื้อและการอักเสบ ปลอดภัย และช่วยให้น้องหมาฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์

 
									
Leave A Comment